ดราม่า วัดดังเชียงใหม่จุดพลุไฟบนองค์พระธาตุเจดีย์ หวั่นโบราณสถาน 700 ปี เสียหาย

วัดดังเชียงใหม่จุดพลุไฟบนองค์พระธาตุเจดีย์

กลายเป็นหัวข้อดราม่าเมื่อมีการเผยคลิปวิดีโองานประเพณียี่เป็ง โดยคณะกรรมการ วัดเจดีย์เหลี่ยม เวียงกุมกาม อำเภอสารภี จ.เชียงใหม่ จุดดอกไม้ไฟและพลุบนองค์พระธาตุฯ จนถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก หวั่นโบราณสถาน และองค์พระธาตุ อาจได้รับความเสียหาย ชาวเน็ตแห่แชร์คลิปจุดพลุบูชาพระธาตุเจดีย์เหลี่ยม (เวียงกุมกาม) วัดกู่คำ สารภี เชียงใหม่ ทำเอาเสียงแตก ทั้งสาธุ ทั้งเป็นห่วงกระทบต่อโบราณสถานอายุกว่า 700 ปี

ถัดมา พระสมพร ฐิตฺโสภโณ พระลูกวัดเจดีย์เหลี่ยม ได้โพสต์อธิบายว่า “ขอบคุณทุก ๆ ความคิดเห็น มีคนดูเกือบ 2 หมื่นกว่าท่าน เป็นกรณีศึกษาเรื่องบอกไฟพุกับพระธาตุ บอกไฟพลุนั้นไม่ได้จุดบนพระธาตุ แต่จุดด้านหลังพระธาตุคนละที่กันไม่มีอะไรเสียหาย ช่างติดบอกไฟนั้นทำด้วยความระมัดระวัง เสียงที่ดังนั้นคือบอกไฟพลุที่ดังมาจากด้านหลังพระธาตุ ไม่ใช่บนพระธาตุ ขอบคุณทุก ๆ ความคิดเห็นนะครับ ที่ได้เป็นห่วงหลากหลายมุมมอง เคารพทุก ๆ ความคิดเห็น สาธุครับ”

วัดเจดีย์เหลี่ยม

ปรากฏว่ามีชาวเน็ตต่างแชร์ ต่างส่งต่อคลิป วัดเจดีย์เหลี่ยม เป็นจำนวนมาก ส่วนใดส่วนหนึ่งบอกว่า

“สาธุ” แต่ว่าอีกส่วนใดส่วนหนึ่งแสดงความเป็นห่วงว่าจะกระทบต่อโบราณสถานที่มีอายุกว่า 700 ปีไหม พร้อมเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจดู

อย่างไรก็ดี เจ้าของคลิปซึ่งเป็นพระรูปหนึ่ง โพสต์เนื้อความกล่าวว่า “ขอลบคลิปนะครับ ทุกฝ่ายกำลังเข้ามาพูดคุยเรื่องประเด็น” และอีกข้อความหนึ่งระบุว่า “วันนี้จะถูกมรสุมอะไร เรื่องที่ผ่านมายี่เป็ง ท่านที่เข้ามาติดตาม ติดตามได้ทุกๆ ท่าน ขอแค่มีพื้นที่เล็กๆ ในการเผยแผ่ข้อคิดยามเช้าหน่อยในการให้กำลังใจทุกๆ ท่าน เรื่องยี่เป็งได้อธิบายไปแล้ว เจ้าของงานก็ได้ไปขอแล้ว มาดูมาสัมผัส ทุกหน่วยงานที่เข้ามาตรวจสอบ ไม่มีอะไรเสียหาย เคารพทุกความคิดเห็น ภาพก็ได้ขอเขามาลงแต่ไม่เอ่ยชื่อ ขอบคุณทุกๆ ความคิดเห็นถึงวันนี้จะไปทางลบก็ตามครับ”

ล่าสุด (28 เดือนพฤศจิกายน65) สำนักศิลปากรที่ ๗ เชียงใหม่ กล่าวว่า กรณีที่มีการเสนอคลิปวีดีโอการจัดงานประเพณียี่เป็ง(ลอยกระทง) ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาโดยคณะกรรมการวัดเจดีย์เหลี่ยม เวียงกุมกาม อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีการจุดดอกไม้ไฟและพลุบนองค์พระธาตุฯ และมีประชากรจำนวนมากเข้ามาแสดงความคิดเห็นในคลิปนี้และมีความห่วงใยในโบราณสถานองค์พระธาตุฯ เกรงจะได้รับความเสียหายจากเหตุดังที่กล่าวถึงมาแล้ว สำนักฯ ได้ไป สำรวจตรวจสอบสภาพองค์พระธาตุฯ แล้ว พบว่ามีการนำดอกไม้ไฟจำพวกแสง (ธารน้ำตก) และพลุนำแสงขนาดเล็ก แขวนและบังคับทิศทางด้วยลวดพันเกาะกับองค์พระธาตุฯ แล้วก็ใช้สายชนวนเป็นตัวบังคับการจุด ส่วนพลุขนาดใหญ่ที่มีเสียงดังนั้นเป็นการตั้งกระบอกพลุบริเวณฐานพื้นด้านนอกกำแพงแก้ว มิได้ติดตั้งหรือจุดชนวนบนองค์พระธาตุฯ จากการตรวจสอบองค์พระธาตุฯ ไม่พบความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการจุดดอกไม้ไฟหรือพลุในครั้งนี้ พบเพียงแค่คราบเขม่าที่ผิวปูนฉาบบนคราบเชื้อราดำนิดหน่อยแค่นั้น

ดังนี้ ได้ถวายความรู้ ข้อเสนอเบื้องต้นในความเหมาะสม การควรหรือไม่ควรกระทำสิ่งใดต่อโบราณสถานที่อยู่ในการครอบครองของวัด ตลอดจนวิธีบำรุงรักษา ดูแลรักษาโบราณสถานเบื้องต้น ให้กับท่านเจ้าอาวาสได้ทราบแล้ว ภายหลังจากนี้ทางสำนักฯ จะมีหนังสือกราบนมัสการเจ้าอาวาสวัดต่างๆที่มีโบราณสถานตั้งอยู่ ถึงเรื่องวิถีทางในการดำเนินงานต่างๆที่เหมาะสมและไม่เหมาะสมกับโบราณสถาน และในอนาคตสำนักฯ จะจัดอบรมถวายความรู้แด่พระสังฆาธิการ และจัดอบรมฆราวาสผู้สนับสนุนวัดในโอกาสต่อไป

จุดพลุ วัดเจดีย์เหลี่ยม
วัดเจดีย์เหลี่ยม วัดสวย เชียงใหม่ กราบพระบรมธาตุ ชมศิลปะโบราณ เสริมสิริมงคล

ถ้าพูดถึง วัดสวย เชียงใหม่ ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายร้อยปี หนึ่งในนั้นก็ต้องมีวัดเจดีย์เหลี่ยม หรือ วัดกู่คำหลวง อย่างแน่นอนค่ะ เพราะเป็นวัดเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งที่มีความสำคัญต่อเมืองเชียงใหม่ อีกทั้งยังมีรูปแบบสถาปัตยกรรมผสมผสานทั้งศิลปะล้านนา พม่า และเขมรที่วิจิตรงดงาม และหาชมได้ยากในปัจจุบันอีกด้วย
วัดเจดีย์เหลี่ยม หรือที่ชาวบ้านเรียกกันทั่วไปว่า วัดกู่คำหลวง เป็นวัดสังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ตั้งอยู่บนถนนสายเกาะกลาง ตำบลท่าวังตาล อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1831 ในสมัยพญาเม็งราย และได้รับการบูรณะอีกครั้งในปี พ.ศ. 2445 โดยพญาตะก๋า หรือ หลวงโยนการวิจิตร ด้วยอายุที่อยู่มายาวนานกว่า 700 ปี ทำให้ วัดเจดีย์เหลี่ยม แห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานเมื่อปี พ.ศ. 2523

วัดเจดีย์เหลี่ยม เชียงใหม่

ประวัติความเป็นมา วัดเจดีย์เหลี่ยม

เดิมพื้นที่ตรงนี้คือบริเวณของเมือง เวียงกุมกาม เมืองเก่าของเชียงใหม่ ย้อนไปในสมัยของพญาเม็งราย พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 25 แห่งหิรัญนครเงินยางเชียงลาว หลังจากที่พระองค์ยกทัพไปตีเมืองลำพูนและสร้างเมืองใหม่อยู่ที่นั่นได้ 5 ปี พระองค์ก็ได้ยกทัพมาสร้างเมืองใหม่อีกแห่งหนึ่งที่ริมแม่น้ำปิงเมื่อปี พ.ศ. 1820 และตั้งชื่อเมืองว่า เวียงกุมกาม หลังจากนั้นประมาณ 10 ปี พระองค์ก็ทรงโปรดให้สร้าง พระเจดีย์เหลี่ยม ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1831 โดยให้ช่างไปศึกษาแบบของพระเจดีย์ที่ วัดจามเทวี จังหวัดลำพูน และนำมาเป็นต้นแบบในการสร้างพระบรมธาตุเจดีย์ขนาดฐานกว้าง 8 วา 1 ศอก สูง 22 วา ที่เมืองเวียงกุมกาม

รูปแบบสถาปัตยกรรมของวัดเจดีย์เหลี่ยม มีการผสมผสานระหว่างศิลปะล้านนา ขอม และพม่า เริ่มที่ พระบรมธาตุเจดีย์ หรือ เจดีย์เหลี่ยม ที่ประดิษฐานของพระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงสองส่วน คือ พระเกศาธาตุ และ พระบรมธาตุส่วนคาง ศิลปะกรรมได้รับต้นแบบมาจากพระเจดีย์ ของวัดจามเทวี จังหวัดลำพูน ซึ่งเป็นรูปแบบของเจดีย์ในยุคแรกๆ ของแคว้นล้านนา เป็นการสร้างก่ออิฐขึ้นเป็นรูปทรงมณฑปลด 5 ชั้น ฉาบปูนขาว ในแต่ละชั้นมีซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปประทับยืน รวมทั้งหมด 60 ซุ้ม
ในส่วนของฐานชั้นล่างก่องด้วยศิลาแลง เป็นฐานเขียงสี่เหลี่ยมใหญ่ ทั้งสี่ด้านล้อมรอบด้วยเขตกำแพงแก้ว ประดับด้วยประติมากรรมปูนปั้นรูปสิงห์ ตรงกลางฐานในแต่ละด้านมีซุ้มศิลปะพม่า-พุกาม เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปประทับนั่ง
ต่อมาคือ วิหารวัดเจดีย์เหลี่ยม ที่สะท้อนให้เห็นถึงทั้งศิลปะเขมรและพม่า เนื่องด้วยแต่เริ่มวัดแห่งนี้ได้รับอิทธิพลมาจากวัฒนธรรมขอม แต่หลังจากที่ถูกปล่อยรกร้างมาหลายร้อยปีจนถึงปี พ.ศ. 2445 พญาตะก๋า หรือ หลวงโยนการวิจิตร ก็ได้ทำการบูรณะวัดครั้งใหญ่โดยให้ช่างชาวพม่ามาแต่งเติมซ่อมแซ่ม จึงทำให้ วัดเจดีย์เหลี่ยมแห่งนี้มีศิลปะแบบขอมและพม่าผสมปนเปกันอย่างลงตัวการ

เดินทางไปที่วัดเจดีย์เหลี่ยม
วัดเจดีย์เหลี่ยมตั้งอยู่ไม่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปไม่ไกลนัก ให้เดินทางบน ถนนมหิดล เพื่อข้ามสะพานแม่น้ำปิง ตรงไปสักระยะหนึ่งจะมีจุดกลับรถที่ทางลอดแยกหนองหอย พอกลับรถแล้วตรงมาเรื่อยๆ จะมีป้ายบอกทางไป เกาะกลาง อยู่ทางด้านซ้ายมือ พอเลี้ยวเข้าซอยไปก็จะพบกับ วัดเจดีย์เหลี่ยม ทางด้านซ้ายมือค่ะ